เรื่องโกหกที่สอง..
วันนี้ลงเวร..ถูกเสี้ยนตำตั
ตอนเย็นมันบวม..
เลยเดินไปERจะบ่งออก..
(อยู่รพ.ทั้งวันแต่เพิ่งว่า
ไปถึง..
เจอกับหมอเวรอีกท่านนึง..มา
มีคนไข้..EMSไปรับ..
ฟังชื่อแล้วเอ๊ะ..พ่อตู้เดช
(เดี๋ยวนี้นิสัยเสีย..เอะอะ
จำได้..
คนไข้CA Colon ปฏิเสธรักษาต่อเนื่อง..
อยู่ในระยะEnd Of Life Careนี่นา..
ปกติอยากอยู่บ้านยังกับอะไร
วันนี้เป็นอะไรนะ..ถึงมารพ.
วันนี้"ตู้เดชของหมอยุ่ง"มา
เดินผ่านไปเงียบๆ..
ไปบ่งเสี้ยนตำมือ...(ให้เกี
แต่แอบเมียงมองแบบ.."คนไข้ฉ
แพทย์เวร(ตัวจริง)ดูอาการ..
โทรRefer..แล้วเดินออกไป..
"หมอไม่เวร"ที่แอบมาเอาเข็ม
ไปทำบัตร..มาลงประวัติคืนเข
เดินเข้ามาพอดี..เห็นยังล้า
เลยเดินเข้าไปทัก..จับมือพ่
ตู้เดชของหมอ..
จมูกมีสายล้างท้อง...พูดก็ไ
ส่งเสียงแหบแห้งถามหมอว่า..
"หมอยุ่งอยู่เวรวันไหน.."
ฟังแล้วงง..
พ่อเดชเลือดออกในกระเพาะจนค
น้ำตาลต่ำจนเบลอ..
พอได้น้ำเกลือ..ไปขวดนึง..(
แถมกำลังจะถูกส่งตัวไปโรงพย
ไปพบหมอใหญ่กว่า..เก่งกว่า.
คิดว่าจะถามเรื่องโอกาสรอด.
คิดว่าจะบ่นกังวลอนาคตของตั
"ทำไมมาถามถึงเวรหมอ??"
ด้วยความที่โกหกปากหวาน(กับ
ตารางเวรแพทย์ยังไม่ออก..
หมอยุ่งตอบตาเดชว่า..
"ยังไม่รู้เลยว่าอยู่เวรวัน
แต่ยังไงก็จะอยู่รอรับพ่ออย
รีบกลับมาเน้อ.."
แต่ในใจ..
(เที่ยวนี้ตาเดชจะรอดมั้ยเน
เกล็ดเลือดก็น่าจะต่ำ..มะเร
เกิดภาวะ
"หน้าชื่นปากหวาน..แต่น้ำตา
ขั้นแรก..
แล้วยืนส่งคนไข้จนขึ้นรถRef
ร่ำลารับไหว้รับคำขอบคุณจาก
(แทนแพทย์ตัวจริง)
เรียบร้อย..
หลังจบเรื่อง..
พยาบาลที่ล้างท้องให้ตู้เดช
ตอนแรกที่หมอเดินเข้ามา..
ตู้เดชที่เสียงแหบ..ตาโรย..
เพิ่งมีสติหลังได้น้ำตาลฉีด
ได้ยินเสียงหมอ..
แกส่งเสียงเรียก.."หมอยุ่ง"
พยาบาลที่กำลังใส่สายยางล้า
จึงกระซิบบอกแกว่า...
ตา..วันนี้ไม่ใช่เวรหมอยุ่ง
เท่านั้นแหละ..
แพทย์ยุ่งตีหน้ายิ้มแย้มใส่
ส่งเสียงได้แค่"เหรอ.."แล้ว
แต่ในใจ..หลังฟังเรื่องที่พ
ใจหายวาบ!
กลายเป็น"หน้าชื่นปากหวาน..
นี่เอง..คือเหตุผล..
ที่ประโยคแรกที่ตู้เดชถามหม
ขณะกำลังถูกส่งตัวไปรพ.อื่น
ถึงกลายเป็น..
"หมอยุ่งอยู่เวรวันไหน.."
ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี..
ไม่รู้ว่าควรเศร้า..หรือ..ภ
แต่ยังไง..
ก็นับว่าเป็นความรู้สึกแสนด
สำหรับหมอคนหนึ่ง..
และทำให้รู้สึกว่า..
ถึงแม้จะต้องผิดศีลห้า..ข้อ
กลายเป็นคน"หน้าชื่นปากหวาน
ถ้ายังมีคนไข้แบบ "ตู้เดช"..และ"หนูลำไย"อยู่
เราก็ยังยืนยันจะเป็นหมอ..
ที่โกหกคนไข้ไปเรื่อยๆแบบนี
ขอโทษนะคะ..
ศีลห้าของหนู..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น